เมื่อเป็นผู้ขับขี่เดินทางและมีรถยนต์เป็นของตนเอง แน่นอนว่าเราควรจะต้องทำประกันรถยนต์แบบสมัครใจเอาไว้เพิ่มความคุ้มครอง แต่ด้วยเพราะบางคนใช้รถจนเพลิน ต้องใช้ทำงานขับขี่เดินทางทุกวันจนบางทีก็ลืมไปว่าประกันรถก็มีวันครบกำหนดหรือมีวันหมดอายุเหมือนกัน ทีนี้พอโชคไม่เข้าข้างเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนขึ้น แถมซ้ำร้ายมาเกิดขึ้นตอนประกันหมดอายุไปแล้วขอเคลมไม่ได้ จึงยิ่งแย่เข้าไปอีก
กรณีประกันรถยนต์หมดอายุหรือประกันขาดแบบนี้ เราควรทำอย่างไร และถ้าพบว่าประกันจะหมดอายุภายในวันนี้พอดี ช่วงเวลาในการให้คุ้มครองจะครอบคลุมถึงแค่ไหน จะได้วางแผนการใช้รถและการเดินทางได้ มาพบคำตอบกัน
ประกันขาดแล้วมีอุบัติเหตุจะเคลมได้ไหม
สำหรับใครที่ไม่ค่อยดูไม่ค่อยใส่ใจตรวจสอบเรื่องกำหนดครบระยะความคุ้มครองของประกัน รถยนต์ หลังจากนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมกันใหม่ เพราะถ้าคุณไม่มีการตรวจสอบเรื่องประกันให้ดี ปล่อยให้ขาดไป เวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา คุณจะ “หมดสิทธิ์” ขอเคลมเรียกค่าชดเชยเลย แม้ว่าจะปล่อยขาดเพียงแค่วันเดียวก็ไม่ได้ เพราะถ้าประกันหมดอายุไปแล้ว ประกันก็จะไม่ให้ความคุ้มครองในทันที
ระยะความคุ้มครองของประกัน
โดยปกติแล้วเมื่อคุณทำประกันรถยนต์ ตัวกรมธรรม์จะมอบความคุ้มครองให้คุณอยู่ในระยะ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่คุณตกลงซื้อประกันและทำเอกสารเรียบร้อย บางคนอาจจะสงสัยในกรณีถ้าเป็นวันสุดท้าย จะครบกำหนดระยะความคุ้มครองพอดีในวันนี้ จะยังขับขี่ใช้รถได้หรือไม่ ตัวกรมธรรม์จะคุ้มครองไปถึงช่วงเวลาไหน
กรณีนี้ก็ขอยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น สมมุติว่า ประกันของคุณจะหมดอายุวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 15 ของเดือน กรมธรรม์ประกันจะให้ความคุ้มครองคุณภายในวันที่ 15 นี้ถึงแค่ 16.30 น. หากคุณขับขี่อยู่ในช่วงเวลานี้แล้วเกิดมีการเฉี่ยวชนกันขึ้นมา ก็ยังเคลมประกันได้อยู่ แต่ถ้าหลังจาก 16.30 น.ไปแล้ว และคุณยังไม่ได้ดำเนินการต่อประกันก็จะถือว่าประกันขาด แบบนี้ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
ทางแก้ที่ดีคือการต่อประกันล่วงหน้า
ถ้าคุณไม่ต้องการให้ประกันขาดจนหมดความคุ้มครอง ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ การต่อประกันล่วงหน้า แต่หลายคนก็คงจะมีคำถามอีกว่าแล้วควรจะต่อล่วงหน้าสักกี่วันหรือกี่เดือนดี ที่ดูจะเหมาะสมที่สุดก็คือ การต่อประกันล่วงหน้าก่อนที่ประกันจะหมดอายุสัก 3 เดือน และที่ไม่ควรจะทำอย่างยิ่งเลยก็คือ การต่อประกันก่อนครบกำหนดสัก 1 – 2 วัน
3 เดือนก่อนประกันครบกำหนดนั้น เป็นระยะที่กำลังพอเหมาะ คุณมีเวลาที่พิจารณาไตร่ตรองเลือกบริษัทประกันที่คุณคิดว่าเหมาะสมได้ ผิดกันกับการต่ออายุประกันก่อนครบกำหนดแบบกระชั้นชิด แบบนี้จะทำให้คุณไม่มีเวลาคิดตัดสินใจ คือเวลาเร่งเข้ามาแล้วจึงทำให้ไม่สามารถที่จะเลือกพิจารณาอย่างรอบคอบได้ ทำให้การต่ออายุประกันของคุณไม่ได้รับความคุ้มค่า อีกทั้งอาจไม่เหมาะสอดคล้องกับภาวะการเงินในขณะนั้นด้วย
สรุปก็คือ ประกันรถยนต์นั้นมีการหมดอายุและครบกำหนดได้ และเมื่อหมดอายุแล้วก็จะหมดความคุ้มครองลงทันที คุณจะไปเรียกร้องขอเคลมไม่ได้หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ดังนั้น แนะนำว่าอย่าปล่อยให้ประกันขาด วางแผนต่ออายุล่วงหน้าไว้ได้เลย และถ้าคุณจะวางแผนต่อประกันรถยนต์แต่ยังไม่มีข้อมูลของแผนประกันแต่ละแห่งเพียงพอ ลองเข้าเว็บของ EasyCompare จากนั้นไปเปรียบเทียบประกันแต่ละแบบกันได้ แล้วคุณจะเลือกประกันที่ใช่ได้อย่างลงตัว